สวัสดีครับเพื่อนๆ ทุกคน ยินดีต้อนรับเข้าสู่โลกภาษาสเปนกับกัปตันคิวอีกครั้งนะครับ
วันนี้ผมจะพาเพื่อนๆไปเที่ยวทิพย์ ที่ประเทศสเปนครับ โดยวันนี้จะพาท่านผู้อ่านทุกคนไปรู้จักกับเมืองต่างๆทางเหนือของประเทศสเปน ผ่านเส้นทางแสวงบุญที่เรียกว่า El Camino de Santiago (เอล-กา-มิ-โน่-เด-ซาน-ติ-อา-โก้)
ก่อนอื่นต้องขอโม้ก่อนนิดนึงนะครับว่า ในชีวิตผมเคยเดินทางด้วยเท้ามากกว่า 100 กม. 2 ครั้งในชีวิต การเดินทางครั้งนี้คือ 1 ใน 2 การเดินทางนั้น เป็นการเดินทางที่เขาเรียกว่า การเดินทางค้นหาตัวตนของชีวิต ส่วนอีกการเดินทางนึง คือ La legión 101 กม. ใน 24 ชม. ผมจะเล่าในตอนต่อไปครับ
ที่มา
มาถึงตรงนี้หลายคนคงสงสัยนะครับว่า El Camino de Santiago มีที่มาที่ไปอย่างไร ผมจะสรุปคร่าวๆ ให้เข้าใจง่ายๆว่า เส้นทางนี้คือเส้นทางแสวงบุญของคนที่นับถือศาสนาคริสต์ อ้าวว แล้วผมนับถือพุทธ ไปเดินทำไมละ ส่วนตัวผมชอบศึกษาความหลากหลายทางวัฒนธรรม ภาษา ศาสนาอยู่แล้ว จึงอยากจะร่วมกิจกรรมนี้มากประกอบกับเพื่อนสเปนคนนึงกำลังจะไปเดินเส้นทางนี้พอดี เมื่อชวนผมไปร่วมทางด้วย ผมจึงตอบตกลงทันที
อีกทั้งไม่ห้ามสำหรับคนที่ไปเดินด้วยเหตุผลอื่น เช่น ออกกำลังกาย ท่องเที่ยว ศึกษาธรรมชาติ ดังนั้นจึงมีคนจากหลากหลายทั่วทุกมุมโลกมาเดินเส้นทางนี้ ซึ่งทำให้ผมได้พบปะคนมากมาย หลากหลายเชื้อชาติตลอดการเดินทางจริงๆครับ
นักแสวงบุญทุกท่านมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ มหาวิหาร Santiago de Compostela ในแคว้นกาลิเซีย ทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศสเปน
โดยชาวคริสต์มีความเชื่อว่าจุดหมายปลายทาง เป็นที่ฝังร่างของนักบุญ James the Great หรือในภาษาสเปน Santiago de Zebedeo หนึ่งในสิบสองอัครสาวกของพระเยซู มีหน้าที่ช่วยเผยแพร่ศาสนาคริสต์นั่นเอง
สัญลักษณ์ของ El camino de Santiago
เวลาเราเดินตามทางจะรู้ได้ยังไงว่าเดินมาถูกทางสังเกตง่ายๆครับ ตลอดการเดินทางของเส้นทางแสวงบุญนี้ นักแสวงบุญจะเห็นเปลือกหอยสีเหลือง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์คอยชี้บอกทางว่าเราเดินมาถูกทาง
ถ้าพูดถึงต้นกำเนิดต้องย้อนไปมากกว่าพันปี มีหลายทฤษฎีที่โยงว่าทำไมสัญลักษณ์ถึงเป็นเปลือกหอยนี้
ถ้าพูดถึงในแง่ศาสนา เปลือกหอยนี้เป็นสัญลักษณ์ของการทำดี และมีโชค
ถ้าพูดถึงในแง่ของปรัชญา ว่ากันว่าเปลือกหอยมีความสัมพันธ์กับวีนัส (เทพกรีกแห่งความรัก) ในภาพวาดของ Botticelli เราจะเห็นเทพเจ้าวีนัสบนเปลือกหอย เป็นสัญลักษณ์ของการเกิดใหม่ของคนคนหนึ่ง
นักเดินทางหลายคนและในความคิดส่วนตัวผม เห็นตรงกับทฤษฎีนี้ ที่ว่า “เมื่อคุณเดินจบเมื่อไร คุณจะเป็นคนใหม่ และคุณจะค้นพบตัวตนของตัวเอง”
เอาละครับพอรู้ที่มาที่ไปพอหอมปากหอมคอ ต่อไปผมจะแนะนำสิ่งของที่ต้องเตรียมเก็บใส่กระเป๋ากันครับ
การเตรียมตัว
1 สำหรับนักเดินทางที่ไม่เคยเดินทางไกล แนะนำว่าก่อนไปร่วมกิจกรรมนี้ ควรออกกำลังกาย เพื่อทำให้ตัวเองร่างกายแข็งแรง และลองเดินเล่นในหมู่บ้าน สวนสาธารณะระยะทางไกลๆ ให้ร่างกายคุ้นชินเพราะระยะการเดินทางในแต่ละวันประมาณ 20 กม./วัน
2. สิ่งของเครื่องใช้ส่วนตัว อุปกรณ์อาบน้ำ แว่นตากันแดด หมวก เสื้อผ้าเดินป่า แนะนำแบบโปร่งสบายสำหรับใส่เดินเปียกเหงื่อแล้วไม่รำคาญครับ เอาไปที่จำเป็นเพราะเราต้องแบกใส่เป้ไปตลอดการเดินทางนะครับ เป้ที่ใช้ก็ควรเป็นเป้กันน้ำ และขนาดใหญ่พอที่เราจะขนของทั้งหมดที่เราใช้ ถ้าเป็นเป้พวกแบ้คแพ้กเกอร์ใหญ่ๆหน่อยพอดีเลยครับ
3. สิ่งสำคัญ รองเท้าเดินป่า หรือผ้าใบที่เราใส่สบายที่สุด ทางเดินไม่ค่อยชันมาก หรือเป็นภูเขาเล็กน้อย ส่วนใหญ่เป็นทางเรียบ สำหรับผมแนะนำรองเท้าผ้าใบที่เราใส่สบายที่สุดครับ อย่าลืมรองเท้าแตะไว้ใส่ในที่พักด้วยนะครับ
4. เสื้อกันลมกันฝน บางวันฟ้าอาจไม่เป็นใจ ฝนตกลงมาได้ครับ สถาพอากาศทางเหนือ เอาแน่เอานอนไม่ได้ อีกทั้งเป้ต้องมีที่คลุมกันเปียกด้วยนะครับ เชคสภาพอากาศวันต่อวัน ชัวร์ที่สุดครับ
5. ถุงนอน และเสื่อโยคะ สำหรับผมคิดว่าขาดไม่ได้เลย เพราะที่นอนสำหรับนักแสวงบุญไม่ค่อยเก็บค่าที่พัก หรือเก็บน้อยมาก ดังนั้นความสะอาดก็ตามราคาครับ ถ้าโชคไม่ดีอาจจะเจอพวกไรฝุ่น กัดเป็นผื่นคัน จะเดินทางวันต่อไปไม่สนุกเอาครับผม
6. ไม้เท้า สำหรับช่วยเดินทางไกลก็เป็นตัวเลือกที่ดีครับ บางเส้นทางตามธรรมชาติอาจมีการเดินผ่านลำน้ำ หรือที่ๆเป็นเนินไม้เท้าช่วยพยุงน้ำหนัก ผ่อนแรงเราได้ครับ
7. ก่อนออกเดินทางจะขาดไม่ได้เลยครับสิ่งนี้
Credencial del peregrino บัตรประจำตัวของนักแสวงบุญ
บัตรประจำตัวนักแสวงบุญ หรือสมุดพกประจำตัวนี้ เป็นสิ่งสำคัญในการเดินทางของเราตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงที่หมาย ไม่มีนักเดินทางแสวงบุญคนไหนเริ่มเดินโดยไม่มีสิ่งนี้ เพราะว่ามันคือเอกสารยืนยันตัวตนของเราว่าเป็นเป็นนักแสวงบุญ กำลังทำกิจกรรมในเส้นทาง El Camino de Santiago
ทุกๆที่พักสำหรับนักแสวงบุญจะถามหาสมุดเล่มนี้ เพื่อปั้มแสตมป์ของที่พัก ก่อนเข้าพักเสมอ
ที่สำคัญมากกว่านั้น ในตอนที่เราถึงจุดหมายปลายทางที่ Santiago de Compostela เอกสารเล่มนี้จะเป็นสิ่งยืนยันความสำเร็จในการเดินทางของเรา โดยดูจากตราปั้มสถานที่ต่างๆ เพื่อเป็นการยืนยันระยะการเดินทางว่าเราเดินจากเริ่มต้นมาถึงจุดสิ้นสุดมากกว่า 100 กม. (แต่ถ้าขี่จักรยาน หรือขี่ม้า ต้อง 200 กม. ขึ้นไป)
แล้วเจ้าสมุดพกเล่มนี้เราจะหาซื้อได้ที่ไหน สำหรับผมกับเพื่อนสเปนเราซื้อที่เมืองบ้านเกิดเพื่อนผม Burgos (สถานที่ : Asociaciones de amigos del Camino de Santiago de España)
เพื่อนผมแนะนำว่า จริงๆสามารถหาซื้อได้ตามที่พักของนักแสวงบุญทั่วประเทศแล้วแต่สะดวกเรา ราคาประมาณ 50 เซนต์ถึง 2 ยูโร
ปัจจุบันเห็นมีแอพพลิเคชั่นสำหรับใช้แทนสมุดแล้ว เพื่อนๆลองหาข้อมูลได้จาก www.elcaminoconcorreos.com ครับ
เริ่มต้นการเดินทาง
ผมกับเพื่อนเลือกเส้นทางที่เดินง่าย และใช้เวลาน้อยที่สุด 5 วัน โดยเริ่มต้นจากเมือง Sarria ไปสู่จุดหมายที่ Santiago de Compostela รวมระยะทางทั้งสิ้น 116.6 กม. จริงๆ อาจเดินครบได้ใน 4 วัน แต่ผมบอกเพื่อนว่าไม่รีบ ค่อยๆเดินเอาบรรยากาศ และวิวข้างทางน่าจะดีกว่า อีกทั้งไม่เหนื่อยเกินไปด้วย เส้นทางนี้ที่เราเลือกเป็นช่วงหนึ่งของ Camino francés (จริงๆมีหลายเส้นทาง camino del norte, camino inglés, camino portugués etc.) เราเลือกเส้นทางนี้เพราะเริ่มต้นง่ายใกล้บ้านเพื่อนที่สุด
1. วันแรก การเดินทางจาก Sarria ไป Portomarín ระยะทาง 22.5 กม. ใช้เวลาประมาณ 4-5 ชม.
ในห้วงแรกของการเดินทางไม่มีช่วงไหนยากเป็นพิเศษ อาจจะมีขึ้น-ลงเขาบ้าง แต่ก็ไม่ได้ชันอะไร เมื่อเราเดินผ่านหมู่บ้าน Ferreira หรือ Lavandeira ในหมู่บ้านนี้จะมีร้านอาหาร บาร์ และที่พักมากมาย
เมื่อเราเดินต่อไปก่อนจะถึงที่หมายแรก จะต้องข้ามแม่น้ำ Miño ซึ่งอีกฝากคือเมือง Portomarín เมืองนี้มีโบสถ์ให้เข้าไปถ่ายรูป San Nicolás
2. วันที่ 2 จาก Portomarín a Palas de Rei ระยะทาง 25.8 กม. ใช้เวลาประมาณ 5-6 ชม.
เส้นทางการเดินของวันที่ 2 มีลักษณะเฉพาะตัวที่ต้องเดินขึ้นเขา Sierra de Ligonde ซึ่งจะพบในห้วงกม.ที่ 13 หลังจากนั้นก็เป็นทางเดินลงยาวๆ
เมื่อถึงจุดหมาย เมือง Palas de Rei จะมีจุดแจกอาหารนักเดินทางหลายจุด และถ้ามีเวลาแนะนำให้เที่ยวชม El castillo de Pambre
3. วันที่ 3 จาก Palas de Rei ไป Arzúa ระยะทาง 29.3 กม. ใช้เวลาประมาณ 6-7 ชม.
นอกจากจะเป็นช่วงระยะทางเดินที่ไกลที่สุด บวกความชันให้ด้วย จึงเป็นช่วงทดสอบกำลังใจของนักแสวงบุญว่ามีศรัทธาขนาดไหน ท้ายทายกำลังใจอย่างมากเลยครับ หลายต่อหลายคนเรียกเส้นทางนี้ว่า เส้นทางทำลายขา ด้วยความยากของเส้นทาง และขึ้น-ลงเขาหลายรอบ ล้ามากๆเลยครับ
เส้นทางนี้จะเชื่อมต่อกับอีก 2 เส้นทาง คือ Camino del Norte และ Los del Camino Primitivo จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมพวกเราจึงเห็นจำนวนของนักแสวงบุญเพิ่มขึ้นในระหว่างทางนี้ครับ
แนะนำให้หยุดพักในช่วงกม.ที่ 15 เมือง Melide เนื่องจากมีอาหารท้องถิ่นอร่อยประจำเมือง และของหวานที่ต้องไปชิม เช่น คุ้กกี้ เป็นต้น
สำหรับอาหารจานโปรดของผมนั้น คือ Pulpo a La Gallega
พอเรากินอิ่มแล้ว ก็ถึงเวลาเดินทางต่อครับ
เมื่อถึงปลายทางของวันนี้ เมือง Arzúa สิ่งที่เพื่อนๆ ไม่ควรพลาดเลยคือ El queso de denominación de origen Arzúa-Ulloa
นอกจากนั้นเมืองนี้ยังมีจุดท่องเที่ยวสำคัญ คือ La iglesia de Santiago de Arzúa ให้พวกเราเข้าไปเยี่ยมชม และปั้มสแตมป์การเดินทางของเรา
4. วันที่ 4 จากเมือง Arzúa ไป เมือง Pedrouzo ระยะทาง 19.3 กม. ใช้เวลาประมาณ 4 ชม.
ระยะทางจากเมือง Arzúa ไปถึง Santiago เหลือประมาณ 40 กม. ซึ่งจริงๆ ถ้าออกเดินเช้าตรู่ไปจบค่ำๆ ในวันเดียวเลยก็ได้ครับ แต่ไม่แนะนำเพราะนอกจากเหนื่อยมากแล้ว ยังต้องแข่งกับเวลา ไม่ตรงจุดประสงค์ของเราที่มาเสพบรรยากาศชนบทของทิวทัศน์เมืองเหนือของประเทศสเปน
ดังนั้นแบ่งครึ่ง เพิ่มอีก 1 วัน น่าจะดีกว่าครับ แล้วไปหยุดที่เมือง Pedrouzo เส้นทางนี้ไม่มีอุปสรรคอะไร อาจจะมีแค่ 2 โลสุดท้ายก่อนถึงเมือง ที่ต้องเดินไปบนถนนยางมะตอยตามถนนหมายเลข N-547 ซึ่งจะแตกต่างจากเส้นทางที่เราเดินมาที่เป็นทางดินตามชายเมืองครับ
5. วันสุดท้าย จาก Pedrouzo ไปที่หมาย Santiago de Compostela ระยะทาง 19.7 กม. ใช้เวลา 4-5 ชม.
เมื่อเราเดินทางมาถึง กม.ที่ 15 ในเส้นทางนี้บริเวณ Monte de Gozo จะเห็น Las torres de la Catedral (หอคอยของมหาวิหารซาติเอโก้) ครั้งแรก พอมาถึง 4 กม.สุดท้ายก่อนถึงโบสถ์ จะเหลือแค่ข้าม La porta de camino (ข้ามถนนที่มีป้ายบอก ว่าเป็น porta de camino)
ฝนตกมาชุ่มฉ่ำในวันสุดท้าย เหมือนฟ้ารู้ว่าผมทำสำเร็จ ผมเดินผ่านย่านเมืองเก่า และเข้าไปที่ La catedral de Santiago de Compostela
หลังจากเยี่ยมชมความสวยงาม และความยิ่งใหญ่ของโบสถ์แล้ว ผมเดินตรงไปที่สำนักงานนักเดินทางที่อยู่บริเวณ Rúa carreteras,33 สำหรับประทับแสตมป์สุดท้าย เพื่อรับ La compostela ประกาศณียบัตรนักแสวงบุญ
La compostela
เมื่อเราเดินทางถึง La Catedral de Santiago สิ่งที่ยืนยันความสำเร็จในการเดินทางคือ La compostela ที่เราต้องไปรับที่ La Oficina de Atención al Peregrino ถนน Carretas ใกล้ๆกับ La plaza del Obradoiro โดยเราจะต้องนำสมุดประจำตัวการเดินทาง(Credencial del peregrino) ไปยืนยันตัวตน และระยะทางทั้งหมดที่เดินด้วย
บทเรียนชีวิต
สิ่งท้ายสุดที่ผมคิดว่าสำคัญมากที่สุดในการเดินทางครั้งนี้ ไม่ใช่ประกาศที่ได้รับในตอนสุดท้ายของจุดหมายปลายทาง
แต่คือ สิ่งที่ผมได้รับระหว่างทาง มิตรภาพกับเพื่อนสเปน เวลาช่วยกันแก้ปัญหาต่างๆ อาหาร ขนมต่างๆที่เรานำมาแบ่งปันกันจากคนแปลกหน้าที่เราไปพักด้วย ประสบการณ์ที่ทำให้รู้จักความสุขสงบในธรรมชาติที่เราไม่เคยสัมผัส การนั่งริมน้ำดูน้ำไหล นกบิน ปลาว่าย พูดคุยกับเพื่อนสเปนเรื่องต่างๆนาๆ ทุกอย่างนี้เปลี่ยนผมเป็นคนใหม่ ดังคำกล่าวที่ว่า
“เมื่อคุณเดินจบเมื่อไร คุณจะเป็นคนใหม่ และคุณจะค้นพบตัวตนของตนเอง”
ที่มารูป
1. https://www.traveler.es/gastronomia/articulos/dulces-de-melide-mejores-pastelerias-camino-de-santiago/18881
2.
https://www.tripadvisor.com/ShowUserReviews-g676305-d3555498-r239972038-Pulperia_A_Garnacha-Melide_Province_of_A_Coruna_Galicia.html
3. https://www.paxinasgalegas.es/fiestas/denominacion-de-origen-arzua-ulloa-5473.html
4.
www.unsplash.com
สวัสดีค่ะ ได้เข้ามาอ่านเรื่องของคุณ ไม่ทราบว่าคุณเป็นคนไทยใช่ไหมค่ะ ฉันเป็นคนไทยและกำลังมีแผนที่จะไปเดินทาง Camino de Santiago โดยเส้นทาง Camino Frances ฉันเขียนมาเพราะเผื่อว่าคุณจะมีคำแนะนำอื่นให้ / ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
สวัสดีครับ คนไทยครับ ผมเคยไปมา 10 กว่าปีแล้วครับ
ไม่ทราบไปเอง หรือมีคนไปด้วยครับ ถ้ามีคนสเปนด้วยจะสะดวกกว่ามาก เพราะผมไปกับเพื่อนสเปนเขาเคยเดินแล้ว ก็หมดห่วงเรื่องหลงทางไปได้เลยครับ แต่ถ้าไปเองสิ่งที่อยากแนะนำ คือ ศึกษาเส้นทางให้ดีครับว่ามีที่พักตรงไหนบ้าง จุดช่วยเหลือนักเดินทาง เบอร์โทรสำหรับเหตุฉุกเฉิน เป็นต้น
ตอนนี้ก็เรื่องโควิด-19 ต้องศึกษาก่อนว่าเขามีมาตรการอะไรเพิ่มเติมไหมครับ เพราะขนาดสมัยนั้นยังไม่มีโควิด-19 ที่พักบางทีไม่ค่อยสะอาดเท่าไรนัก ควรเตรียมถุงนอนไปเองดีที่สุดครับ
อ่านแล้วรู้สึกดีค่ะ เคยไปเดินมาจาก León ถึง Santiago de Compostela ในปี Xacobeo 2004 ดีมากถึงดีที่สุด น่าเสียดายสมัยนั้นไม่ทันคิดจะเขียนหรือเก็บภาพอะไรมากเท่าไหร่ แต่ได้อ่านของคุณคิวแล้ว คิดถึงความทรงจำเก่าๆ มากเลยค่ะ
เป็นประสบการณ์และความทรงจำไปตลอดชีวิตครับ 🙂
ขอบคุณสำหรับข้อเขียนนะคะ อยากไปมากๆค่ะ กำลังวางแผน
ยินดีมากๆครับ